|
|
กำลังหนุมาน / Dracaena conferta Ridl |
|
ชื่อพื้นเมือง : กำลังหนุมาน (ภาคใต้), กำลังขุนมาน (นครศรีธรรมราช), สะลีกี่บูโต๊ะ (มลายู-นราธิวาส)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dracaena conferta Ridl.
ชื่อวงศ์ : AGAVACEAE |
|
สรรพคุณทางยา : - ทำหลอดเลือด และ เส้นเอ็น ให้เจริญแข็งแรง
- ทำให้กักเก็บปริมาณเลือดที่ไหลเข้าในองคชาติในขณะที่แข็งตัวได้นานขึ้นส่งผลให้
ช่วยชะลอในการหลั่งใช้ในการลดอุบัติการล่มปากอ่าว
- แก้น้ำดีพิการ นอนสะดุ้งผวา หลับๆ ตื่นๆ
- ร้อนหน้าน้ำตาไหล บำรุงกำลัง บำรุงกล้ามเนื้อ
- เป็นยาอายุวัฒนะ |
|
ที่มาของข้อมูล : http://paro6.dnp.go.th
พืชสมุนไพรโตนงาช้าง
http://www.rspg.or.th
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี |
|
|
|
น้ำดี มาจากอะไร |
|
น้ำดี (bile or gall) เป็นของเหลวสีเหลืองหรือเขียว มีรสขม หลั่งออกมาจากเซลล์ตับ (hepatocyte)
ที่อยู่ในตับของสัตว์มีกระดูกสันหลังเกือบทุกชนิด
ในสัตว์หลายชนิด น้ำดีจะถูกเก็บไว้ที่ถุงน้ำดีในระหว่างมื้ออาหาร และเมื่อมีการรับประทานอาหารน้ำดีจะถูกปล่อยออกมา เข้าสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenum) ที่ซึ่งน้ำดีจะไปทำหน้าที่ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกลิพิด |
|
องค์ประกอบของน้ำดี
- น้ำ
- คอเลสเตอรอล
- ฟอสโฟลิพิด (Phospholipids) (ส่วนใหญ่จะเป็นเลซิติน)
- บิลิน (Bilin) หรือรงควัตถุน้ำดี (บิลิรูบินไดกลูโคโรไนด์ (bilirubin diglucoronoide))
- เกลือน้ำดี (โซเดียมไกลโคโคเลตและโซเดียมทอโรโคเลต)
- ไบคาร์บอเนตไอออน |
|
เกลือน้ำดีคือโซเดียมไกลโคโคเลต (sodium glycocholate) และโซเดียมทอโรโคเลต (sodium taurocholate)
ถูกสร้างขึ้นมาจากคอเลสเตอรอลโดยตับ สารเหล่านี้จะถูกหลั่งเป็นน้ำดีโดยเซลล์ตับโดยผ่านทางท่อน้ำดีย่อย (bile canaliculi)
ไหลมารวมกันเป็นท่อน้ำดี (bile duct) เข้าสู่ถุงน้ำดี |
|
โดยทั่วไปแล้วความเข้มข้นของเกลือน้ำดีในน้ำดีคิดเป็น 0.8% อย่างไรก็ตามถุงน้ำดีสามารถดูดน้ำกลับ
เข้าไปเพื่อทำให้น้ำดีเข้มข้นในระหว่างมื้ออาหาร
น้ำดีสามารถมีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นได้ถึง 5 เท่าจากปกติ
(คือเพิ่มเป็นความเข้มข้น 4%) ก่อนที่จะมีการบีบตัวของถุงน้ำดีเพื่อขับน้ำดีออกมา
ยังลำไส้เล็กส่วนต้นเมื่ออาหารผ่านเข้ามาในลำไส้เล็ก |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/น้ำดี |
|
----------------------------------------------------------------------------------- |
|
นิ่วในถุงน้ำดี อันตรายกว่าที่คุณคิด |
|
“นิ่วในถุงน้ำดี” (Gall stone) เป็นโรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยที่สุด คือ 10-20 % ของประชากรหลายคนไปทำอัลตร้าซาวน์พบนิ่วถุงน้ำดี
คงอยากทราบว่ามันมีความอันตรายอย่างไร
ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าโรคนี้ ฝรั่งบอกว่า มักพบใน Forty, Fertile, Fatty Female
คือ ในผู้หญิง รูปร่างท้วมอายุ ประมาณ 40 ปี โดยเฉพาะ มีบุตรหลายคน บางคนก็ตรวจพบตอนไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการของโรคได้ 1-2 % ต่อปี และปัจจุบันคนเป็นนิ่วถุงน้ำดีมากขึ้นเรื่อยๆ |
|
หลายคนสงสัยว่านิ่ว หน้าตาเป็นอย่างไร ขึ้นการประเภทของ นิ่วเป็น Cholesteral stones, Pigment stone
ในแถบเอเชียส่วนใหญ่เป็น Pigment stone
ลักษณะเป็นก้อนกลมหรือเหลี่ยมๆ สีเข้มๆ ซึ่งเกิดจากการขาดสมดุล
ของน้ำดีนั้นเอง การเกิดนิ่วถุงน้ำดีทำให้เกิดปัญหาตามมาจากตัวก้อนนิ่ว ที่ไปอุดถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีอักเสบ หลุดไปอุดท่อน้ำดีใหญ่ทำให้ติดเชื้อตัวและตาเหลือง บางครั้ง ถ้ามีนิ่วค้างอยู่ เป็นเวลานาน
อาจจะกระตุ้นให้เกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้ |
|
ในกรณีที่ผู้ป่วยนิ่วถุงน้ำดีไม่มีอาการใดๆเลย อาจไม่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แต่ถ้ามีอาการหรือโรคแทรกซ้อนจากถุงน้ำดี
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาผ่าตัดออกทุกราย ซึ่งปัจจุบันการผ่าตัดส่องกล้องนิ่วถุงน้ำดีได้กลายเป็นการรักษามาตราฐาน
เพื่อรักษาภาวะนิ่วถุงน้ำดีมานานแล้ว โดยการเจาะรูเข้าไปในช่องท้อง 3-4 จุด ทำให้เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว 1-2 วันก็กลับบ้านได้
ยกเว้น กรณีที่ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ถ้าเป็นมากบางครั้งอาจจำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายๆไปทางที่ดี
อาจต้องตัดนิ่วถุงน้ำดีที่มีปัญหาก่อนเกิดเรื่องจะดีกว่า |
|
มักมีคำถามจากผู้ป่วยว่าการตัดถุงน้ำดีมีผลอะไรหรือไม่ พิการหรือเปล่า คงต้องทราบด้วยว่า น้ำดีถูกสร้างจากตับ
มาเก็บไว้ในถุงน้ำดี เวลาเรากินข้าวขาหมู น้ำดีก็ถูกขับออกมาเพื่อช่วยย่อยไขมัน ดังนั้นถ้าเอาถุงน้ำดีออกไปแล้ว
ก็จะกินอาหารพวกมันๆได้น้อยลง อาจจะต้องเน้น พวกผัก ปลา มากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคนี้มักมีอายุ 40-50 ปี
ซึ่งควรลดอาหารประเภทมันๆอยู่แล้ว และผู้ป่วยถ้ากินอาหารมันๆมากเกินอาจมีท้องอืด หรือถ่ายอุจจาระมีมันลอยได้
ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถปรับตัวเองได้ |
|
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://ww2.bangkokhospital.com/index.php/th/diseases-treatment/gall-stones |
|
|
|
|